Ostarine หรือ MK-2866

Ostarine หรือที่รู้จักในชื่อรหัส MK-2866 เป็น Selective Androgen Receptor Modulator (SARM) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท GTx Inc. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียกล้ามเนื้อ เช่น sarcopenia (การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับอายุ) cachexia (การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในผู้ป่วยมะเร็ง) และการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ (muscle wasting) การวิจัยและพัฒนา Ostarine เริ่มต้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และแม้จะไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการใช้ทางการแพทย์ Ostarine กลับได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการฟิตเนสและนักเพาะกาย เนื่องจากมีคุณสมบัติที่คล้ายกับสเตียรอยด์แอนโดรเจนแต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า

ลักษณะทางเคมีของ Ostarine

  • ชื่อทางเคมี: (2S)-3-(4-cyanophenoxy)-N-[(1S)-1-methyl-2-oxo-2,3-dihydro-1H-pyrrolo[3,4-b]quinolin-1-yl]-2-hydroxy-2-methylpropanamide
  • สูตรโมเลกุล: C19H14F3N3O3
  • น้ำหนักโมเลกุล: 389.33 g/mol
  • โครงสร้างเคมี: Ostarine เป็นสารประกอบที่มีโครงสร้างโมเลกุลซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยวงแหวนไพโรลิดีนและควิโนลีน ที่มีพันธะ cyanophenoxy เชื่อมต่อกับกลุ่มฟังก์ชันอื่นๆ ซึ่งช่วยให้สามารถจับกับตัวรับแอนโดรเจนได้อย่างจำเพาะเจาะจง

ข้อมูลสำคัญของ Ostarine (MK-2866)

  1. Half-life:
    • Ostarine มีครึ่งชีวิตประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าสามารถรับประทานได้เพียงวันละครั้ง
  2. Detection Time:
    • การตรวจพบ Ostarine ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจและปริมาณการใช้ โดยทั่วไปสามารถตรวจพบในปัสสาวะได้ถึง 2-3 สัปดาห์หลังจากการใช้ครั้งสุดท้าย

กลไกการทำงานของ Ostarine

Ostarine ทำงานโดยการจับตัวกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูกอย่างจำเพาะเจาะจง โดยไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ อย่างที่สเตียรอยด์แอนโดรเจนทำ กลไกการทำงานของ Ostarine รวมถึง:

  1. การกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ:
    • Ostarine ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยไม่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย
  2. การป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ:
    • Ostarine มีความสามารถในการป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในภาวะที่มวลกล้ามเนื้อลดลง เช่น ภาวะที่เกิดจากการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Ostarine น่าสนใจในการใช้รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียกล้ามเนื้อ
  3. การเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก:
    • Ostarine ยังสามารถกระตุ้นการเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันการสูญเสียกระดูก ซึ่งเป็นประโยชน์ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน

การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย

การใช้งานในคนทั่วไป

  • การรักษาภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อ: Ostarine ได้รับการพัฒนาเพื่อรักษาภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีภาวะทางการแพทย์ เช่น sarcopenia, cachexia และการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ
  • การเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก: แม้จะยังไม่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ แต่ Ostarine อาจถูกใช้เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

การใช้งานในนักเพาะกาย

  • การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ: นักเพาะกายมักใช้ Ostarine เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยเชื่อว่ามันสามารถให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกับการใช้สเตียรอยด์แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า
  • การรักษาระหว่างการตัดน้ำหนัก: Ostarine มักใช้ในช่วงที่นักเพาะกายต้องการลดน้ำหนักหรือไขมันในร่างกาย แต่ยังคงรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงเอาไว้

ข้อควรระวัง

  1. ผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน:
    • แม้ Ostarine จะมีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนน้อยกว่าสเตียรอยด์ แต่การใช้ในระยะยาวหรือในปริมาณสูงอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง ซึ่งอาจต้องการการฟื้นฟูระบบฮอร์โมนหลังจากหยุดใช้ยา (Post Cycle Therapy – PCT)
  2. ผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด:
    • มีรายงานบางกรณีที่การใช้ Ostarine อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  3. การใช้ในทางที่ผิด:
    • เนื่องจาก Ostarine ไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการใช้ทางการแพทย์ การใช้งานในวงการฟิตเนสและนักเพาะกายถือเป็นการใช้ในทางที่ผิด ซึ่งอาจมีความเสี่ยงทั้งต่อสุขภาพและกฎหมาย
  4. การตรวจสารต้องห้ามในการแข่งขันกีฬา:
    • Ostarine ถูกจัดเป็นสารต้องห้ามในกีฬาอาชีพ และการตรวจพบในนักกีฬาจะส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน

สรุป

  • ความเป็นมา: Ostarine (MK-2866) พัฒนาโดย GTx Inc. เพื่อใช้ในการรักษาภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA
  • ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C19H14F3N3O3 และเป็น Selective Androgen Receptor Modulator (SARM)
  • Half-life: ประมาณ 24 ชั่วโมง
  • Detection Time: สามารถตรวจพบในระบบได้นานถึง 2-3 สัปดาห์
  • กลไกการทำงาน: จับกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูกเพื่อกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ
  • การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อและการเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
  • การใช้งานในนักเพาะกาย: การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและการรักษาระหว่างการตัดน้ำหนัก
  • ข้อควรระวัง: ผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน, ผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด, การใช้ในทางที่ผิด, และการตรวจสารต้องห้ามในการแข่งขันกีฬา