Cabergoline ทำงานโดยการกระตุ้นตัวรับโดปามีน (dopamine receptor agonist) ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคตินจากต่อมใต้สมอง กลไกการทำงานที่สำคัญคือ:
- การยับยั้งการหลั่งโปรแลคติน:
- Cabergoline ทำหน้าที่กระตุ้นตัวรับโดปามีนในต่อมใต้สมอง ซึ่งส่งผลให้มีการยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคติน ทำให้ระดับโปรแลคตินในเลือดลดลง
- การลดขนาดเนื้องอกโปรแลคติน (Prolactinoma):
- ในกรณีที่มีเนื้องอกที่ผลิตโปรแลคติน Cabergoline สามารถช่วยลดขนาดของเนื้องอกและปรับสมดุลของฮอร์โมนให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ
การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย
การใช้งานในคนทั่วไป
- รักษาภาวะ prolactinoma: Cabergoline ใช้ในการรักษาภาวะเนื้องอกที่ผลิตโปรแลคตินในต่อมใต้สมอง ซึ่งทำให้ระดับโปรแลคตินสูงเกินไป
- การแก้ไขภาวะน้ำนมไหลผิดปกติ: ใช้ในการรักษาภาวะน้ำนมไหลผิดปกติในผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือต้องการหยุดการผลิตน้ำนมหลังการหย่านม
- การรักษาภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในผู้ชาย: ในบางกรณี Cabergoline ถูกใช้เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนในผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ซึ่งเกิดจากระดับโปรแลคตินสูง
การใช้งานในนักเพาะกาย
- ลดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์: นักเพาะกายบางคนใช้ Cabergoline เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์ Anabolic ที่ทำให้ระดับโปรแลคตินสูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางเพศหรือภาวะ Gynecomastia (หน้าอกผู้ชายโต)
- เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ: Cabergoline บางครั้งถูกใช้เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและลดภาวะเหนื่อยล้าหลังการมีเพศสัมพันธ์
ข้อควรระวัง
- ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด:
- Cabergoline อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณสูงหรือนานเกินไป
- ผลกระทบต่อระบบประสาท:
- อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงนอน หรือความดันโลหิตต่ำหลังการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension) ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากไม่ระวัง
- การใช้ในระยะยาว:
- การใช้ Cabergoline ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ:
- ควรตรวจสุขภาพและตรวจระดับฮอร์โมนโปรแลคตินในร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบการตอบสนองต่อยาและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
สรุป
- ความเป็นมา: Cabergoline ได้รับการอนุมัติในปี 1996 สำหรับการรักษาภาวะ prolactinoma และความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับโปรแลคติน
- ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C26H37N5O2 และเป็นอนุพันธ์ของเออร์กอไลน์
- Half-life: ประมาณ 63-68 ชั่วโมง
- Detection Time: สามารถตรวจพบได้ในระบบนานถึง 3-4 สัปดาห์
- กลไกการทำงาน: กระตุ้นตัวรับโดปามีนเพื่อยับยั้งการหลั่งโปรแลคตินและลดขนาดเนื้องอกโปรแลคติน
- การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาภาวะ prolactinoma, การแก้ไขภาวะน้ำนมไหลผิดปกติ, การรักษาภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในผู้ชาย
- การใช้งานในนักเพาะกาย: ลดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
- ข้อควรระวัง: ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด, ผลกระทบต่อระบบประสาท, การใช้ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์