Cabergoline

Cabergoline ทำงานโดยการกระตุ้นตัวรับโดปามีน (dopamine receptor agonist) ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคตินจากต่อมใต้สมอง กลไกการทำงานที่สำคัญคือ:

  1. การยับยั้งการหลั่งโปรแลคติน:
    • Cabergoline ทำหน้าที่กระตุ้นตัวรับโดปามีนในต่อมใต้สมอง ซึ่งส่งผลให้มีการยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโปรแลคติน ทำให้ระดับโปรแลคตินในเลือดลดลง
  2. การลดขนาดเนื้องอกโปรแลคติน (Prolactinoma):
    • ในกรณีที่มีเนื้องอกที่ผลิตโปรแลคติน Cabergoline สามารถช่วยลดขนาดของเนื้องอกและปรับสมดุลของฮอร์โมนให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ

การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย

การใช้งานในคนทั่วไป

  • รักษาภาวะ prolactinoma: Cabergoline ใช้ในการรักษาภาวะเนื้องอกที่ผลิตโปรแลคตินในต่อมใต้สมอง ซึ่งทำให้ระดับโปรแลคตินสูงเกินไป
  • การแก้ไขภาวะน้ำนมไหลผิดปกติ: ใช้ในการรักษาภาวะน้ำนมไหลผิดปกติในผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือต้องการหยุดการผลิตน้ำนมหลังการหย่านม
  • การรักษาภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในผู้ชาย: ในบางกรณี Cabergoline ถูกใช้เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนในผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ซึ่งเกิดจากระดับโปรแลคตินสูง

การใช้งานในนักเพาะกาย

  • ลดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์: นักเพาะกายบางคนใช้ Cabergoline เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์ Anabolic ที่ทำให้ระดับโปรแลคตินสูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางเพศหรือภาวะ Gynecomastia (หน้าอกผู้ชายโต)
  • เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ: Cabergoline บางครั้งถูกใช้เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและลดภาวะเหนื่อยล้าหลังการมีเพศสัมพันธ์

ข้อควรระวัง

  1. ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด:
    • Cabergoline อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณสูงหรือนานเกินไป
  2. ผลกระทบต่อระบบประสาท:
    • อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงนอน หรือความดันโลหิตต่ำหลังการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension) ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากไม่ระวัง
  3. การใช้ในระยะยาว:
    • การใช้ Cabergoline ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
  4. การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ:
    • ควรตรวจสุขภาพและตรวจระดับฮอร์โมนโปรแลคตินในร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบการตอบสนองต่อยาและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

สรุป

  • ความเป็นมา: Cabergoline ได้รับการอนุมัติในปี 1996 สำหรับการรักษาภาวะ prolactinoma และความไม่สมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับโปรแลคติน
  • ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C26H37N5O2 และเป็นอนุพันธ์ของเออร์กอไลน์
  • Half-life: ประมาณ 63-68 ชั่วโมง
  • Detection Time: สามารถตรวจพบได้ในระบบนานถึง 3-4 สัปดาห์
  • กลไกการทำงาน: กระตุ้นตัวรับโดปามีนเพื่อยับยั้งการหลั่งโปรแลคตินและลดขนาดเนื้องอกโปรแลคติน
  • การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาภาวะ prolactinoma, การแก้ไขภาวะน้ำนมไหลผิดปกติ, การรักษาภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในผู้ชาย
  • การใช้งานในนักเพาะกาย: ลดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
  • ข้อควรระวัง: ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด, ผลกระทบต่อระบบประสาท, การใช้ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์