Hydrochlorothiazide หรือ HCTZ

Hydrochlorothiazide หรือที่รู้จักในชื่อย่อว่า HCTZ เป็นยาขับปัสสาวะในกลุ่ม Thiazide diuretics ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1950 และได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 1959 HCTZ ใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคตับ และโรคไต นอกจากนี้ยังใช้ร่วมกับยาความดันโลหิตสูงอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

ลักษณะทางเคมีของ Hydrochlorothiazide

  • ชื่อทางเคมี: 6-chloro-3,4-dihydro-2H-1,2,4-benzothiadiazine-7-sulfonamide 1,1-dioxide
  • สูตรโมเลกุล: C7H8ClN3O4S2
  • น้ำหนักโมเลกุล: 297.74 g/mol
  • โครงสร้างเคมี: Hydrochlorothiazide เป็นสารประกอบที่มีวงแหวนเบนซีนและไธอะดัยอะซีนเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมด้วยกลุ่ม sulfonamide ซึ่งทำให้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ในไต

ข้อมูลสำคัญของ Hydrochlorothiazide (HCTZ)

  1. Half-life:
    • Hydrochlorothiazide มีครึ่งชีวิตในร่างกายประมาณ 6-15 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับการทำงานของไตและปริมาณการใช้ยา
  2. Detection Time:
    • Hydrochlorothiazide สามารถตรวจพบในปัสสาวะได้นานถึง 24-48 ชั่วโมงหลังการใช้ยา

กลไกการทำงานของ Hydrochlorothiazide

Hydrochlorothiazide ทำงานโดยการยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ในไตที่ส่วนปลายของท่อไต (distal convoluted tubule) ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญในกระบวนการดูดกลับน้ำในร่างกาย กลไกหลักของ Hydrochlorothiazide ได้แก่:

  1. การขับปัสสาวะ:
    • Hydrochlorothiazide เพิ่มการขับโซเดียมและคลอไรด์ออกจากร่างกาย ทำให้น้ำถูกขับออกตามไปด้วย ส่งผลให้ปริมาณเลือดที่หมุนเวียนในร่างกายลดลง ซึ่งช่วยลดความดันโลหิต
  2. การลดความดันโลหิต:
    • การลดปริมาณเลือดที่หมุนเวียนในร่างกายช่วยลดความดันโลหิต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ
  3. การรักษาภาวะบวมน้ำ:
    • Hydrochlorothiazide ใช้ในการรักษาภาวะบวมน้ำที่เกิดจากโรคหัวใจวาย โรคตับแข็ง และโรคไต โดยการขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย

การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย

การใช้งานในคนทั่วไป

  • การรักษาความดันโลหิตสูง: Hydrochlorothiazide ใช้เป็นยาขับปัสสาวะหลักหรือใช้ร่วมกับยาความดันโลหิตสูงอื่นๆ ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูง
  • การรักษาภาวะบวมน้ำ: ใช้ในการรักษาภาวะบวมน้ำที่เกิดจากโรคหัวใจวาย โรคตับ หรือโรคไต
  • การรักษาภาวะไม่สมดุลของแคลเซียม: ใช้ในการรักษาภาวะที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง เช่น hypercalciuria

การใช้งานในนักเพาะกาย

  • การลดน้ำหนักฉับพลัน: นักเพาะกายบางคนอาจใช้ Hydrochlorothiazide เพื่อขับน้ำออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว เพื่อลดน้ำหนักก่อนการแข่งหรือเพื่อให้ร่างกายดูแห้งและคมชัดขึ้น

ข้อควรระวัง

  1. ความเสี่ยงต่อการขาดอิเล็กโทรไลต์:
    • Hydrochlorothiazide อาจทำให้เกิดภาวะขาดอิเล็กโทรไลต์ เช่น โพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออาการทางระบบประสาทอื่นๆ
  2. ภาวะขาดน้ำ:
    • การใช้ Hydrochlorothiazide อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำหากไม่ได้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้
  3. ผลกระทบต่อระบบประสาท:
    • Hydrochlorothiazide อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ง่วงนอน หรือความดันโลหิตต่ำหลังการเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension)
  4. การใช้ในระยะยาว:
    • การใช้ Hydrochlorothiazide ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาวะไตวายหรือความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
  5. ผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด:
    • Hydrochlorothiazide อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งควรระวังในผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวาน

สรุป

  • ความเป็นมา: Hydrochlorothiazide (HCTZ) ได้รับการอนุมัติในปี 1959 สำหรับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำ
  • ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C7H8ClN3O4S2 และเป็นยาขับปัสสาวะในกลุ่ม Thiazide diuretics
  • Half-life: ประมาณ 6-15 ชั่วโมง
  • Detection Time: สามารถตรวจพบได้ในปัสสาวะนานถึง 24-48 ชั่วโมง
  • กลไกการทำงาน: ยับยั้งการดูดกลับของโซเดียมและคลอไรด์ในไต ทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกาย
  • การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาความดันโลหิตสูง, ภาวะบวมน้ำ, ภาวะไม่สมดุลของแคลเซียม
  • การใช้งานในนักเพาะกาย: ลดน้ำหนักฉับพลัน
  • ข้อควรระวัง: ความเสี่ยงต่อการขาดอิเล็กโทรไลต์, ภาวะขาดน้ำ, ผลกระทบต่อระบบประสาท, ผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด