Fluoxymesterone หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Halotestin เป็นสเตียรอยด์แอนาโบลิกที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดย Upjohn Company โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในทางการแพทย์สำหรับการรักษาภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำในผู้ชายและการรักษาภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขาดฮอร์โมนเพศชาย Halotestin ได้รับความนิยมในวงการกีฬาและการเพาะกายเนื่องจากมีผลในการเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานอย่างรวดเร็ว แม้ว่า Fluoxymesterone จะไม่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อเท่ากับสเตียรอยด์แอนาโบลิกชนิดอื่น ๆ แต่ความสามารถในการเพิ่มพลังและความแข็งแรงทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักกีฬาที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน
ลักษณะทางเคมี Halotestin
- ชื่อทางเคมี: 9α-Fluoro-11β,17β-dihydroxy-17α-methyl-4-androsten-3-one
- สูตรโมเลกุล: C20H29FO3
- มวลโมเลกุล: 336.4 g/mol
กลไกการทำงานของฮาโลเทสติน
1. การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีน (Protein Synthesis)
- การสังเคราะห์โปรตีน: Fluoxymesterone ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตและฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่และซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายจากการออกกำลังกาย
2. การเพิ่มการเก็บไนโตรเจน (Nitrogen Retention)
- การเก็บไนโตรเจน: Fluoxymesterone ช่วยให้กล้ามเนื้อเก็บไนโตรเจนได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน การเก็บไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ anabolic (การสร้างกล้ามเนื้อ) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell Production)
- การผลิตเม็ดเลือดแดง: Fluoxymesterone ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ความทนทานและความแข็งแรงในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
4. การเพิ่มความแข็งแรง (Strength Gain)
- การเพิ่มความแข็งแรง: Fluoxymesterone มีผลในการเพิ่มความแข็งแรงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักกีฬาและผู้ฝึกฝนกีฬาสามารถยกน้ำหนักและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. การเพิ่มระดับของฮอร์โมนเพศชาย (Androgenic Activity)
- กิจกรรมแอนโดรเจน: Fluoxymesterone มีความแข็งแรงสูงในด้านแอนโดรเจน ทำให้เกิดลักษณะเพศชาย เช่น ขนบนร่างกาย เสียงต่ำ และการพัฒนาอวัยวะเพศชาย
ข้อมูลสำคัญ Halotestin
1. Half-life (ช่วงครึ่งชีวิต)
- Half-life ของ Fluoxymesterone: ประมาณ 9.2 ชั่วโมง ทำให้การรับประทานหรือการฉีดบ่อยๆ เป็นไปได้ในการรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกาย
2. Detection Time (ระยะเวลาที่ตรวจพบได้)
- Detection Time ของ Fluoxymesterone: ประมาณ 2 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณที่ใช้ ความถี่ในการใช้ และระบบการตรวจสอบของแต่ละองค์กร
3. Aromatize (การเปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน)
- การ Aromatize ของ Fluoxymesterone: ต่ำมาก หรือแทบไม่มี Fluoxymesterone ไม่ถูกเปลี่ยนเป็นเอสโตรเจน ซึ่งทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากเอสโตรเจน เช่น gynecomastia และการกักเก็บน้ำ
การใช้งานฮาโลเทสตินในคนทั่วไปและนักเพาะกาย
- คนทั่วไป: Fluoxymesterone ถูกใช้ในการรักษาภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำในผู้ชาย, การเริ่มต้นวัยหนุ่มสาวช้าในเด็กผู้ชาย และการรักษามะเร็งเต้านมในผู้หญิง
- นักเพาะกาย: ใช้ในการเพิ่มความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ ปริมาณการใช้ทั่วไปอยู่ที่ 10-40 มก. ต่อวัน สำหรับรอบการใช้สเตียรอยด์ (cycle) มักใช้ระหว่าง 4-6 สัปดาห์
ผลข้างเคียงของ Halotestin
- ผลข้างเคียงทั่วไป: สิว, ผิวมัน, การเจริญเติบโตของขนบนร่างกายและใบหน้า, การเปลี่ยนแปลงอารมณ์
- ผลข้างเคียงร้ายแรง: ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด, ปัญหาตับ, การเพิ่มขึ้นของระดับไขมันในเลือด
- ผลกระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อ: การยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ, ความเสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำหลังหยุดใช้ยา
ข้อควรระวังฮาโลเทสติน
- การตรวจสุขภาพ: ผู้ใช้ควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบระดับฮอร์โมนและประเมินผลข้างเคียง
- การใช้ในผู้หญิงและเด็ก: ไม่ควรใช้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และเด็ก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการพัฒนาทางเพศก่อนวัย
- การติดตามการใช้ยา: ควรติดตามการใช้ยาอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์หากมีผลข้างเคียงหรือปัญหาในการใช้ยา
สรุป Halotestin
Fluoxymesterone (Halotestin) เป็นสเตียรอยด์แอนาโบลิกที่ใช้ในการรักษาภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำในผู้ชายและมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และใช้ในการเพาะกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและประเมินประสิทธิภาพในการใช้งาน