Drostanolone Enanthate เป็นสเตียรอยด์แอนาโบลิกที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับ Drostanolone Propionate (Masteron) แต่มีการปรับปรุงด้วยการเพิ่มเอสเทอร์ Enanthate เพื่อให้มีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่ยาวนานขึ้น Drostanolone Enanthate มักจะรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า “Masteron Enanthate” มันได้รับความนิยมในวงการกีฬาและการเพาะกายเนื่องจากมีคุณสมบัติในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยไม่ทำให้เกิดการเก็บกักน้ำ ทำให้กล้ามเนื้อดูชัดเจนและมีความแข็งแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับ Drostanolone Propionate
ลักษณะทางเคมี Drostanolone Enanthate
- ชื่อทางเคมี: 2α-methyl-androstan-3-one enanthate
- สูตรโมเลกุล: C27H44O3
- มวลโมเลกุล: 416.64 g/mol
กลไกการทำงาน Mast E
1. การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีน (Protein Synthesis)
- การสังเคราะห์โปรตีน: Drostanolone Enanthate ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตและฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่และซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายจากการออกกำลังกาย
2. การเพิ่มการเก็บไนโตรเจน (Nitrogen Retention)
- การเก็บไนโตรเจน: Drostanolone Enanthate ช่วยให้กล้ามเนื้อเก็บไนโตรเจนได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน การเก็บไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ anabolic (การสร้างกล้ามเนื้อ) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell Production)
- การผลิตเม็ดเลือดแดง: Drostanolone Enanthate ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ความทนทานและความแข็งแรงในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
4. การเพิ่มความแข็งแรง (Strength Gain)
- การเพิ่มความแข็งแรง: Drostanolone Enanthate มีผลในการเพิ่มความแข็งแรง ทำให้นักกีฬาและผู้ฝึกฝนกีฬาสามารถยกน้ำหนักและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. การลดไขมัน (Fat Reduction)
- การลดไขมัน: Drostanolone Enanthate มีผลในการลดไขมันในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อดูคมชัดและเด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน
6. การแปลงเป็น DHT (Dihydrotestosterone)
- การแปลงเป็น DHT: Drostanolone Enanthate ไม่ได้แปลงเป็น DHT แต่มีโครงสร้างที่คล้ายกับ DHT ซึ่งมีความแข็งแรงในการเพิ่มความแข็งแรงและความอดทน
ข้อมูลสำคัญข Masterone Enanthate
1. Half-life (ช่วงครึ่งชีวิต)
- Half-life ของ Drostanolone Enanthate: ประมาณ 7-10 วัน เนื่องจากเอสเทอร์ enanthate ที่ยาว ทำให้มีการปลดปล่อยสารออกมาอย่างช้าๆ และต้องฉีดทุก 1-2 สัปดาห์เพื่อรักษาระดับในร่างกาย
2. Detection Time (ระยะเวลาที่ตรวจพบได้)
- Detection Time ของ Drostanolone Enanthate: ประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณที่ใช้ ความถี่ในการใช้ และระบบการตรวจสอบของแต่ละองค์กร เนื่องจากเป็นสารที่มีการปลดปล่อยช้า ทำให้สามารถตรวจพบได้ในร่างกายเป็นเวลานานหลังจากการใช้
3. Aromatize (การเปลี่ยนแปลงเป็นเอสโตรเจน)
- การ Aromatize ของ Drostanolone Enanthate: ต่ำมาก Drostanolone Enanthate ไม่ถูกเปลี่ยนเป็นเอสโตรเจน ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากเอสโตรเจน เช่น gynecomastia (การเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเต้านมในผู้ชาย) และการกักเก็บน้ำ
การใช้งานมาสอีในคนทั่วไปและนักเพาะกาย
- คนทั่วไป: Drostanolone Enanthate ไม่ได้ใช้ในทางการแพทย์ทั่วไป แต่ถูกใช้ในวงการเพาะกายและกีฬา
- นักเพาะกาย: ใช้ในการเพิ่มความแข็งแรงและความคมชัดของกล้ามเนื้อ ปริมาณการใช้ทั่วไปอยู่ที่ 200-600 มก. ต่อสัปดาห์ โดยฉีดทุก 5-7 วัน รอบการใช้สเตียรอยด์ (cycle) มักใช้ระหว่าง 8-12 สัปดาห์
ผลข้างเคียง Masterone Enanthate
- ผลข้างเคียงทั่วไป: สิว, ผิวมัน, การเจริญเติบโตของขนบนร่างกายและใบหน้า, การเปลี่ยนแปลงอารมณ์
- ผลข้างเคียงร้ายแรง: ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด, การเพิ่มขึ้นของระดับไขมันในเลือด, ปัญหาต่อมลูกหมาก
- ผลกระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อ: การยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนธรรมชาติ, ความเสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำหลังหยุดใช้ยา
ข้อควรระวัง Mast E
- การตรวจสุขภาพ: ผู้ใช้ควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบระดับฮอร์โมนและประเมินผลข้างเคียง
- การใช้ในผู้หญิงและเด็ก: ไม่ควรใช้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และเด็ก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการพัฒนาทางเพศก่อนวัย
- การติดตามการใช้ยา: ควรติดตามการใช้ยาอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์หากมีผลข้างเคียงหรือปัญหาในการใช้ยา
สรุป Mast E
Drostanolone Enanthate (Mast-E) เป็นสเตียรอยด์แอนาโบลิกที่ใช้ในการเพาะกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความคมชัดของกล้ามเนื้อ การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและประเมินประสิทธิภาพในการใช้งาน