Spironolactone หรือ Aldactone

Spironolactone หรือที่รู้จักในชื่อทางการค้าว่า Aldactone เป็นยาขับปัสสาวะในกลุ่ม Potassium-sparing diuretics ซึ่งพัฒนาและได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 1960 Spironolactone ใช้ในการรักษาภาวะบวมน้ำที่เกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจวาย โรคตับ และโรคไต รวมถึงการรักษาความดันโลหิตสูง และภาวะ hyperaldosteronism (การหลั่งฮอร์โมน aldosterone มากเกินไป)

ลักษณะทางเคมีของ Spironolactone

  • ชื่อทางเคมี: 7α-Acetylthio-17α-hydroxy-3-oxopregn-4-ene-21-carboxylic acid γ-lactone
  • สูตรโมเลกุล: C24H32O4S
  • น้ำหนักโมเลกุล: 416.58 g/mol
  • โครงสร้างเคมี: Spironolactone เป็นสารประกอบที่มีโครงสร้างสเตียรอยด์ ประกอบด้วยวงแหวนสเตียรอยด์ซึ่งเชื่อมต่อกับกลุ่มแลคโทนและซัลเฟอร์ ที่มีผลต่อการยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน aldosterone

ข้อมูลสำคัญของ Spironolactone (Aldactone)

  1. Half-life:
    • Spironolactone มีครึ่งชีวิตในร่างกายประมาณ 1.4 ชั่วโมง แต่เมแทบอไลต์ที่เกิดจากการเผาผลาญของมัน เช่น Canrenone มีครึ่งชีวิตที่ยาวนานกว่า ประมาณ 16.5 ชั่วโมง
  2. Detection Time:
    • Spironolactone และเมแทบอไลต์ของมันสามารถตรวจพบในระบบได้นานถึง 2-3 วันหลังจากการใช้ยา

กลไกการทำงานของ Spironolactone

Spironolactone ทำงานโดยการเป็นตัวต้านฮอร์โมน Aldosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมหมวกไต ทำหน้าที่ควบคุมการดูดซึมโซเดียมและน้ำในไต กลไกหลักของ Spironolactone คือ:

  1. การยับยั้งการทำงานของ Aldosterone:
    • Spironolactone เป็นตัวต้านฮอร์โมน aldosterone ซึ่งส่งผลให้การดูดซึมโซเดียมและน้ำในท่อไตลดลง และเพิ่มการขับโพแทสเซียมออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดการสะสมของน้ำและลดความดันโลหิต
  2. การขับปัสสาวะแบบ Potassium-sparing:
    • ต่างจากยาขับปัสสาวะชนิดอื่นๆ Spironolactone ไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียมมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการคงระดับโพแทสเซียมในเลือด
  3. การรักษาภาวะ Hyperaldosteronism:
    • ในผู้ป่วยที่มีการผลิตฮอร์โมน aldosterone มากเกินไป Spironolactone ช่วยลดผลกระทบของ aldosterone ต่อร่างกาย ทำให้ระดับโซเดียมและน้ำในร่างกายลดลง และช่วยควบคุมความดันโลหิต

การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย

การใช้งานในคนทั่วไป

  • การรักษาภาวะบวมน้ำ: Spironolactone ใช้ในการรักษาภาวะบวมน้ำที่เกิดจากภาวะหัวใจวาย โรคตับแข็ง และโรคไต
  • การรักษาภาวะความดันโลหิตสูง: ใช้ร่วมกับยาความดันโลหิตสูงอื่นๆ เพื่อช่วยควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
  • การรักษาภาวะ Hyperaldosteronism: ใช้ในการรักษาภาวะที่มีการผลิตฮอร์โมน aldosterone มากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากเนื้องอกในต่อมหมวกไต

การใช้งานในนักเพาะกาย

  • การลดน้ำหนักฉับพลัน: นักเพาะกายบางคนอาจใช้ Spironolactone เพื่อขับน้ำออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว เพื่อลดน้ำหนักก่อนการแข่งขันหรือเพื่อให้ร่างกายดูแห้งและคมชัดขึ้น
  • การรักษาภาวะบวมน้ำที่เกี่ยวข้องกับการใช้สเตียรอยด์: Spironolactone อาจใช้เพื่อลดอาการบวมน้ำที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ในนักเพาะกาย

ข้อควรระวัง

  1. ความเสี่ยงต่อภาวะโพแทสเซียมสูง (Hyperkalemia):
    • เนื่องจาก Spironolactone เป็นยาขับปัสสาวะชนิดคงระดับโพแทสเซียม การใช้ยานี้อาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ หากไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสม
  2. ผลข้างเคียงต่อระบบสืบพันธุ์:
    • Spironolactone อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบสืบพันธุ์ เช่น การลดลงของสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย หรือการมีประจำเดือนผิดปกติในผู้หญิง
  3. ผลกระทบต่อระบบประสาท:
    • การใช้ Spironolactone อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ง่วงนอน หรือปวดศีรษะได้
  4. การใช้ในระยะยาว:
    • การใช้ Spironolactone ในระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาวะไตวายหรือภาวะโพแทสเซียมสูง
  5. ผลกระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อ:
    • เนื่องจาก Spironolactone เป็นตัวต้านฮอร์โมน aldosterone และมีผลต่อฮอร์โมนเพศ มันอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนในระยะยาว

สรุป

  • ความเป็นมา: Spironolactone (Aldactone) ได้รับการอนุมัติในปี 1960 สำหรับการรักษาภาวะบวมน้ำ ความดันโลหิตสูง และภาวะ hyperaldosteronism
  • ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C24H32O4S และเป็นยาขับปัสสาวะในกลุ่ม Potassium-sparing diuretics
  • Half-life: ประมาณ 1.4 ชั่วโมง (Spironolactone) และ 16.5 ชั่วโมง (Canrenone)
  • Detection Time: สามารถตรวจพบในระบบได้นานถึง 2-3 วัน
  • กลไกการทำงาน: ยับยั้งการทำงานของฮอร์โมน aldosterone และขับน้ำออกจากร่างกายโดยไม่ทำให้โพแทสเซียมลดลงมาก
  • การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาภาวะบวมน้ำ, ความดันโลหิตสูง, และภาวะ hyperaldosteronism
  • การใช้งานในนักเพาะกาย: ลดน้ำหนักฉับพลัน และการรักษาภาวะบวมน้ำจากการใช้สเตียรอยด์
  • ข้อควรระวัง: ความเสี่ยงต่อภาวะโพแทสเซียมสูง, ผลข้างเคียงต่อระบบสืบพันธุ์, การใช้ในระยะยาว

4o