Oxandrolone หรือ Anavar (อานาวา)

Oxandrolone หรือ Anavar (อานาวา)

Oxandrolone หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Anavar เป็นสเตียรอยด์แอนาโบลิกที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดย Raphael Pappo และ Christopher J. Jung จาก Searle Laboratories (ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Pfizer) เป้าหมายของการพัฒนา Oxandrolone คือการสร้างสเตียรอยด์ที่มีผลข้างเคียงทางแอนโดรเจนต่ำแต่มีคุณสมบัติแอนาโบลิกสูง ในวงการกีฬาและการเพาะกาย Anavar เป็นที่นิยมเนื่องจากมีคุณสมบัติในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงโดยไม่ทำให้เกิดการเก็บกักน้ำ ทำให้กล้ามเนื้อดูชัดเจนและมีความแข็งแรงมากขึ้น นักกีฬามักใช้ Oxandrolone ในช่วงเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันเนื่องจากช่วยเพิ่มความชัดเจนของกล้ามเนื้อและลดไขมันในร่างกาย

โครงสร้างทางเคมี

  • ชื่อทางเคมี: 17β-Hydroxy-17α-methyl-2-oxa-5α-androstan-3-one
  • สูตรโมเลกุล: C19H30O3
  • น้ำหนักโมเลกุล: 306.446 g/mol

ข้อมูลสำคัญของ Oxandrolone (Anavar)

Half-life:

  • Oxandrolone (Anavar) มีครึ่งชีวิตประมาณ 9-10 ชั่วโมงในร่างกายมนุษย์

Detection Time:

  • Detection Time ของ Oxandrolone สามารถตรวจพบในเลือดและปัสสาวะได้นานถึง 3-4 สัปดาห์หลังการใช้งาน ขึ้นอยู่กับวิธีการทดสอบและปริมาณที่ใช้

Aromatize:

  • Oxandrolone (Anavar) ไม่เกิดการ Aromatize หมายความว่าไม่ถูกเปลี่ยนเป็นเอสโตรเจนในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน เช่น การกักเก็บน้ำหรือ gynecomastia

กลไกการทำงานของ Oxandrolone (Anavar)

1. การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีน (Protein Synthesis)

  • การสังเคราะห์โปรตีน: Oxandrolone ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตและฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น การเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่และซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายจากการออกกำลังกาย

2. การเพิ่มการเก็บไนโตรเจน (Nitrogen Retention)

  • การเก็บไนโตรเจน: Oxandrolone ช่วยให้กล้ามเนื้อเก็บไนโตรเจนได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน การเก็บไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะ anabolic (การสร้างกล้ามเนื้อ) มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3. การกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell Production)

  • การผลิตเม็ดเลือดแดง: Oxandrolone ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้ความทนทานและความแข็งแรงในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น

4. การเพิ่มความแข็งแรง (Strength Gain)

  • การเพิ่มความแข็งแรง: Oxandrolone มีผลในการเพิ่มความแข็งแรง ทำให้นักกีฬาและผู้ฝึกฝนกีฬาสามารถยกน้ำหนักและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. การเผาผลาญไขมัน (Fat Metabolism)

  • การเผาผลาญไขมัน: Oxandrolone ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้ลดไขมันสะสมและเพิ่มความชัดเจนของกล้ามเนื้อ

6. การลดการสลายโปรตีน (Protein Catabolism)

  • ลดการสลายโปรตีน: Oxandrolone ช่วยลดการสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายสามารถเก็บโปรตีนไว้ใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อได้มากขึ้น

การใช้งาน Anavar ในคนทั่วไปและนักเพาะกาย

การใช้งานในคนทั่วไป

  • การรักษาโรค: Oxandrolone มักถูกใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักตัวต่ำเกินไป เนื่องจากมีการเจ็บป่วยหรือการผ่าตัด รวมถึงการรักษาโรคที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • การฟื้นฟูร่างกาย: ใช้ในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากการเจ็บป่วยหรือการผ่าตัด

การใช้งานในนักเพาะกาย

  • เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ: นักเพาะกายมักใช้ Oxandrolone เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากมีการสังเคราะห์โปรตีนที่สูงและลดการสลายโปรตีน
  • การเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน: ใช้ในช่วงเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันเพื่อเพิ่มความชัดเจนของกล้ามเนื้อและลดไขมันสะสม

ข้อควรระวัง อานาวา

  • การใช้งานในระยะยาว: ควรระมัดระวังการใช้งานในระยะยาวเนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบตับและไต
  • การใช้ในปริมาณสูง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณที่สูงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพ
  • การตรวจสอบสุขภาพ: ควรมีการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะระบบตับและไต เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
  • การใช้ในผู้หญิง: ควรระมัดระวังการใช้ในผู้หญิง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลักษณะเพศชาย เช่น การเพิ่มของขนบนร่างกายและเสียงต่ำ
  • การใช้อย่างถูกต้อง: ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้อย่างเคร่งครัด

สรุป Anavar

Oxandrolone หรือ Anavar เป็นแอนาโบลิกสเตียรอยด์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง และมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสเตียรอยด์ชนิดอื่นๆ ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น