Andarine หรือที่รู้จักในชื่อ S4 เป็น Selective Androgen Receptor Modulator (SARM) ที่ถูกพัฒนาโดย GTX, Inc. เพื่อใช้ในการรักษาภาวะกล้ามเนื้อลีบ (muscle wasting) และโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเช่น โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) และภาวะเสื่อมของกล้ามเนื้อ Andarine ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และแม้จะไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการใช้ในทางการแพทย์ แต่กลับได้รับความนิยมในวงการนักเพาะกายเนื่องจากความสามารถในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลักษณะทางเคมีของ Andarine (S4)
- ชื่อทางเคมี: (2S)-3-(4-cyanophenoxy)-N-[4-cyano-3-(trifluoromethyl)phenyl]-2-hydroxy-2-methylpropanamide
- สูตรโมเลกุล: C19H18F3N3O4
- น้ำหนักโมเลกุล: 441.36 g/mol
- โครงสร้างเคมี: Andarine มีโครงสร้างที่ซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยวงแหวนเบนซีนสองวงเชื่อมต่อกันผ่านกลุ่ม cyanophenoxy และ trifluoromethyl ซึ่งช่วยให้ Andarine สามารถจับกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูกได้อย่างจำเพาะเจาะจง
ข้อมูลสำคัญของ Andarine (S4)
- Half-life:
- Andarine มีครึ่งชีวิตประมาณ 4-6 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ต้องรับประทานหลายครั้งต่อวันเพื่อรักษาระดับยาในเลือดให้คงที่
- Detection Time:
- Andarine สามารถตรวจพบในปัสสาวะได้นานถึง 10 วันหลังจากการใช้ครั้งสุดท้าย ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจและปริมาณการใช้
กลไกการทำงานของ Andarine (S4)
Andarine ทำงานโดยการจับกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนและการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อ ขณะที่ลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ กลไกหลักของ Andarine ได้แก่:
- การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ:
- Andarine ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยเฉพาะในผู้ที่ฝึกฝนการออกกำลังกายอย่างหนัก
- การลดไขมัน:
- Andarine มีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันในร่างกายโดยการเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งทำให้นักเพาะกายสามารถลดไขมันในร่างกายได้ในขณะที่ยังคงรักษามวลกล้ามเนื้อเอาไว้
- การเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก:
- Andarine สามารถช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันการสูญเสียกระดูก ซึ่งมีประโยชน์ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน
การใช้งานในคนทั่วไปและนักเพาะกาย
การใช้งานในคนทั่วไป
- การรักษาภาวะกล้ามเนื้อลีบ: Andarine ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้ในการรักษาภาวะกล้ามเนื้อลีบและโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
- การรักษาภาวะกระดูกพรุน: Andarine อาจมีศักยภาพในการใช้เพื่อป้องกันและรักษาภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้ทางการแพทย์
การใช้งานในนักเพาะกาย
- การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง: นักเพาะกายใช้ Andarine เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยคาดหวังว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่คล้ายกับการใช้สเตียรอยด์แอนโดรเจนแต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า
- การลดไขมัน: Andarine มักใช้ในช่วงการลดน้ำหนักหรือตัดน้ำหนัก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดไขมันในร่างกายขณะที่ยังคงรักษามวลกล้ามเนื้อ
ข้อควรระวัง
- ผลกระทบต่อระบบการมองเห็น:
- หนึ่งในผลข้างเคียงที่ได้รับการรายงานจากการใช้ Andarine คือการเกิดปัญหาด้านการมองเห็น เช่น การมองเห็นสีเหลือง หรือการมองเห็นภาพในที่แสงน้อยลำบาก ซึ่งเกิดจากการที่ Andarine จับกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อดวงตา
- ผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน:
- การใช้ Andarine ในปริมาณสูงหรือนานเกินไปอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกายลดลง ซึ่งอาจต้องใช้ Post Cycle Therapy (PCT) เพื่อฟื้นฟูระบบฮอร์โมนหลังจากหยุดใช้ยา
- การใช้ในทางที่ผิด:
- เนื่องจาก Andarine ไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการใช้ทางการแพทย์ การใช้งานในวงการฟิตเนสและนักเพาะกายถือเป็นการใช้ในทางที่ผิด ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและขัดต่อกฎหมายในบางประเทศ
- การตรวจสารต้องห้ามในการแข่งขันกีฬา:
- Andarine ถูกจัดเป็นสารต้องห้ามในกีฬาอาชีพ การตรวจพบสารนี้ในนักกีฬาจะส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน
สรุป
- ความเป็นมา: Andarine (S4) พัฒนาโดย GTX, Inc. เพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อลีบและภาวะกระดูกพรุน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA
- ลักษณะทางเคมี: มีสูตรโมเลกุล C19H18F3N3O4 และเป็น Selective Androgen Receptor Modulator (SARM)
- Half-life: ประมาณ 4-6 ชั่วโมง
- Detection Time: สามารถตรวจพบในระบบได้นานถึง 10 วัน
- กลไกการทำงาน: จับกับตัวรับแอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูกเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และป้องกันการสูญเสียกระดูก
- การใช้งานในคนทั่วไป: การรักษาภาวะกล้ามเนื้อลีบและภาวะกระดูกพรุน
- การใช้งานในนักเพาะกาย: การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง การลดไขมัน
- ข้อควรระวัง: ผลกระทบต่อระบบการมองเห็น, ผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน, การใช้ในทางที่ผิด, และการตรวจสารต้องห้ามในการแข่งขันกีฬา